บทที่ 4
ผลการศึกษา
รายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องการศึกษาวิธีการแก้ปัญหาการสะพายกระเป๋ามวลมาก ผู้ศึกษาได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ 2 ประการ ดังนี้
1.
เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดจากการสะพายกระเป๋ามวลมาก
2. เพื่อศึกษาวิธีการแก้ไขปัญหาการสะพายกระเป๋ามวลมาก
วิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์
1. ผลกระทบที่เกิดจากการสะพายกระเป๋ามวลมาก
จากการศึกษาเรื่อง
การศึกษาวิธีการแก้ปัญหาการสะพายกระเป๋ามวลมากในครั้งนี้พบว่า ผลกระทบต่อการสะพายกระเป๋าหนักมากเกินไป คือ
ทำให้ร่างกายทำงานหนักมากกว่าปกติ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย กล้ามเนื้อ
โครงสร้าง บุคลิกภาพ และทำให้การพัฒนา โดยทั่ว ๆ ไปไม่ดีเท่าที่ควรและมีอาการปวดขา
ปวดหลัง ปวดคอ
ซึ่งเด็กไม่ควรจะมีอาการเช่นนี้และเมื่อร่างกายไม่แข็งแรงมีอาการเจ็บปวดก็จะส่งผลต่อสุขภาพจิตจนเกิดเป็นความเครียด
เมื่อเด็กเครียดก็จะทำให้ผลการเรียนแย่ลงมีผลต่ออนาคตของเด็กอย่างแน่นอน
กระเป๋าหนังสือของนักเรียนก็ถือว่ามีผลกระทบต่อกระดูกสันหลังของเด็ก
บางครั้งเด็กที่ถือกระเป๋าแบบหิ้วหรือแบบสะพายข้างถ้ามีน้ำหนักมากเด็กก็จะเอียงตัวไป
ข้างใดข้างหนึ่งเพื่อรับน้ำหนัก ทำให้เมื่อเราเอียงตัวไปบุคลิก
ภาพเราก็จะเป็นท่านั้น กล้ามเนื้อก็จะพัฒนาไปในลักษณะข้างใดข้างหนึ่ง
ซึ่งคนเราปกติ ถ้าใช้งานร่างกายข้างใดข้างหนึ่ง หรือซีกใดซีกหนึ่ง
ข้างนั้นก็จะทำงานหนักมากกว่าปกติส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายของเด็กน้ำหนักของกระเป๋าที่เหมาะสมสำหรับเด็กที่อายุไม่ถึง
10 ขวบไม่ควรเกิน 10-15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนัก
ตัว ขึ้นอยู่ว่าเด็กจะตัวโตรับน้ำหนักมากแค่ไหน
เหมือนงานวิจัยที่ประเทศอเมริกาทำการวิจัยออกมาว่าเด็กต้องแบกกระเป๋าไม่ควรเกิน 25
เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว
แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่าฝรั่งโครงสร้างใหญ่กว่าคนไทยจึงไม่ควรแบกน้ำหนักมากขนาดนั้น
ยกตัวอย่างที่ถูกต้อง เช่น เด็กน้ำหนัก 20 กิโลกรัม
ควรแบกน้ำหนักกระเป๋าอยู่ที่ประมาณ 2-3 กิโลกรัม ไม่ควรแบกเกินมากกว่านี้
หลังจากนั้นพอเด็กโตขึ้นมีอายุมากกว่า 10
ขวบไปแล้วเราจึงค่อยปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับตัวเด็กอย่างไรก็ตาม
การสะพายเป้นั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็ก เพราะได้ใช้ไหล่ 2
ข้างทำให้น้ำหนักสมดุลกันอยู่ตรงกลางหลังรวมทั้งกล้ามเนื้อขา
ตะโพกจะช่วยรองรับได้ดีกว่าเราสะพายข้างเดียว ดังนั้น
การเลือกกระเป๋าสะพายให้เด็กควรเลือกที่ใช้งานได้ดีไม่ตามแฟชั่น
โดยเฉพาะสายกระเป๋าไม่ควรใช้แบบสายเส้นเล็ก ๆ เพราะจะทำให้ปวดหลัง ส่วนของที่จะใส่ในกระเป๋าควรมีน้ำหนักไม่มากเกินไปรวมทั้งต้องจัดระเบียบของในกระเป๋าให้ดีด้วย
การใส่ของที่มีน้ำหนักมาก ๆ
นั้นควรใส่ไว้ชิดกับแผ่นหลังตัวเราหรือด้านในสุดของกระเป๋าและใส่ของน้ำหนัก น้อย ๆ
ไว้ด้านนอกเพื่อจะได้ไม่ถ่วงน้ำหนักมากเกินไป
ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรสังเกตลูกหลานว่ามีอาการกระดูกสันหลังคดหรือไม่ได้ด้วยวิธีง่าย
ๆ ก่อนพามารักษา โดยเริ่มจากให้เด็กถอดเสื้อออกหรือใส่เสื้อบาง ๆ สวมกางเกงขาสั้น
ไม่ต้องสวมรองเท้า แล้วยืนตัวตรง สังเกตว่า เท้าทั้ง 2 ข้างและระดับของไหล่ทั้ง 2
ข้างเท่ากัน หรือไม่หรืออยู่ในระดับเดียวกันหรือไม่ ตะโพกและหลังเอียงหรือไม่
ให้มองทั้งด้านตรง ด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังอย่างละเอียด
หากเด็กที่มีรูปร่างผอมจะสังเกตได้ง่ายโดยให้สังเกตตรงกระดูกปุ่ม ๆ
ข้างหลังว่าเรียงตรงหรือไม่
หากมีอาการเอียงหรือผิดปกติจุดใดจุดหนึ่งควรรีบมาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษา
หรือใช้สมุนไพรพื้นบ้านในการรักษาอาการปวดเมื่อย
2. แนวทางการแก้ปัญหาการสะพายกระเป๋ามวลมาก
1.
การเลือกซื้อกระเป๋าควรคำนึงถึงเนื้อผ้าที่เบาโครงสร้างของกระเป๋าวัสดุโครงควรใช้อะลูมิเนียมเพราะเบากว่าเหล็กและภาพรวมของกระเป๋าต้องมีน้ำหนักเบา
(ไม่ควรเกิน 1 กิโลกรัม)
2.
สถานศึกษาควรมีการลดน้ำหนักวัสดุอุปกรณ์ให้มากที่สุดโดยใช้สมุดปกอ่อนแทนการใช้สมุดปกแข็งความหนาประมาณ
40 หน้า
3. ผู้บริหารครูควรให้คำแนะนำแก่นักเรียนโดยกำชับให้ผู้ปกครองช่วยดูแลเรื่องการจัดตารางเรียนในแต่ละวัน
4.
นักเรียนไม่จำเป็นต้องนำสมุดหนังสือเรียนกลับบ้านหรือไปโรงเรียนทุกวิชาให้นำกลับไปบางวิชาที่จะต้องนำไปทบทวนที่บ้านหรือบางวิชาควรเก็บไว้ที่โรงเรียนโดยไม่ต้องกลัวสูญหายเป็นการฝึกคุณธรรมการไม่ลักขโมยหนังสือของผู้อื่นซึ่งทางโรงเรียนต้องมีวิธีการดูแลและจัดเก็บหนังสือเป็นอย่างดีด้วย
5. โรงเรียนจัดน้ำดื่มที่สะอาดและเพิ่มจุดบริการให้มากขึ้นเพื่อนักเรียนจะได้ไม่ต้องนำกระติกน้ำมาจากบ้านและนักเรียนควรมีแก้วน้ำส่วนตัวจัดไว้ที่ชั้นเรียน
6.
จัดให้มีชั้นเก็บหนังสือหรือ locke ของนักเรียนเป็นรายบุคคลไว้ในชั้นเรียนเพื่อใช้สำหรับเก็บของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นเป็นการลดปริมาณสิ่งของในกระเป๋า
7. จัดมุมหนังสือในชั้นเรียนจัดหาหนังสืออ้างอิงพจนานุกรมและหนังสืออื่น
ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียนหรือเรื่องที่เรียนอยู่สำหรับใช้ค้นคว้าเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นต้องพกหนังสือเหล่านั้นในกระเป๋า
8. จัดอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ใช้ในชั้นเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ใช้ร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องใช้ของส่วนตัวเป็นการฝึกให้นักเรียนรักษาสิ่งของร่วมกันและเรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน
9.
กระบวนการเรียนการสอนของครูควรเป็นการสอนแบบบูรณาการทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สมุดและหนังสือเป็นจำนวนมากและเน้นให้ครูจัดการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการและใช้กิจกรรมที่หลากหลายลดการใช้สาระในหนังสือและแบบเรียนลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น